Web Blog ครููธนกร

ยินดีต้อนรับสู่เว็บบล็อกครูธนกร
เมื่อคนมองไม่เห็นซึ่งหน้าที่ ย่อมไม่มีแนวทางแสวงหา ยิ่งไม่มีกฎระเบียบเป็นเครื่องพา ต้องอัปปราแพ้พ่ายโดยเดียวดาย


ท่านขงจื้อกล่าวว่า ผู้มีอุดมการณ์ ผู้มีเมตตาธรรมย่อมไม่รักตัวกลัวตาย จนทำให้เสียอุดมการณ์ หรือสิ้นเมตตาธรรม ตรงกันข้ามกลับจะยอมพลีชีพเพื่อพิทักษ์ธรรมตามอุดมการณ์และเมตตาธรรม

คนบางคนเหมือนต้นกล้าที่เติบโตแข็งแรง แต่กลับแตกแต่ใบไม่ออกดอก คนบางคนเหมือนต้นกล้าที่แข็งแรงแล้วออกดอกแต่ไม่ออกรวง คือคนที่ไม่มีความสำเร็จ และไม่สร้างคุณประการให้แก่โลก ทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ ไม่แน่นอน ก็จะเป็นเช่นเดียวกับ ต้นกล้า เหล่านี้

ผู้มีคุณธรรมจิตใจย่อมกว้างขวาง รู้จักปล่อยวางรู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ส่วนปุถุชนนั้น มักกลัดกลุ้มวิตกกังวลอยู่ตลอดเวลา จนทำให้บุญวาสนาผ่านเลยไป


วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เหรียญลูกเสือสดุดี ชั้นที่ 3 ปี พ.ศ. 2552




การพระราชทาน

1. สำหรับพระราชทานแก่ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ ผู้ตรวจการลูกเสือ กรรมการลูกเสือ เจ้าหน้าที่ลูกเสือ และบุคคลอื่น บรรดา ที่มีอุปการคุณต่อการลูกเสือถึงขนาด หรือที่ได้อุทิศกำลังกาย หรือ กำลังความคิด ในการประกอบกิจให้บังเกิดคุณประโยชน์แก่การลูกเสือ ตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติลูกเสือ พ.ศ.๒๕๐๗ และพระราชบัญญัติลูกเสือ (ฉบับที่๓) พ.ศ.๒๕๒๘ และพระราชบัญญัติลูกเสือ (ฉบับที่๔) พ.ศ.๒๕๓๐ ดังนี้

เหรียญลูกเสือสรรเสริญชั้นที่ ๓ จะพระราชทานแก่ผู้ที่มีอุปการคุณต่อการลูกเสือดังต่อไปนี้
(๑) บริจาคเงินหรือทรัพย์สิ่งของต่างๆ ครั้งเดียวหรือหลายครั้ง รวมกันเป็นจำนวนเงิน ไม่น้อยกว่า ที่คณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติกำหนด
(๒) ช่วยเหลือเป็นอย่างดีในการฝึกอบรมผู้บังคับบัญชาลูกเสือระดับที่ ๑ วิชาผู้กำกับลูกเสือขั้นความรู้เบื้องต้น หรือขั้นความรู้ขั้นสูง โดยอยู่ประจำตลอดการฝึกอบรมไม่น้อยกว่า ๒๕ ครั้ง หรือระดับที่ ๒ การให้การฝึกอบรมแก่ผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมวิชาผู้กำกับลูกเสือแล้ว โดยอยู่ประจำตลอดการฝึกอบรมไม่น้อยกว่า ๑๐ ครั้ง
(๓) ช่วยเหลือเป็นอย่างดี ในการฝึกอบรมวิชานายหมู่ลูกเสือ หรือวิชาลูกเสือประเภทต่างๆ โดยอยู่ประจำตลอดการฝึกอบรม ครั้งละ ๓ วัน ไม่น้อยกว่า ๕๐ ครั้ง
(๔) ช่วยเหลือกิจการลูกเสือด้านอื่นๆ จนเกิดผลดีแก่การลูกเสือติดต่อกันไม่น้อยกว่า ๓ ปี และปีหนึ่งๆ ไม่น้อยกว่า ๕ ครั้ง หรือ
(๕) ช่วยเหลือ และส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างคณะลูกเสือไทย กับคณะลูกเสือต่างประเทศเป็นอย่างดี


ดูรายชื่อผู้ที่ได้รับพระเมตตา ในครั้งนี้พร้อมกับข้าพเจ้าที่ http://www.scoutthailand.org/main/backoffice/files/3yD6i3GTue23750.pdf

วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2553

คอมพิวเตอร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ

นายไชยยศ  จิรเมธากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ    เปิดเผยว่า ในปี พ.ศ.๒๕๕๔ ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ (International Olympiad in Informatics : IOI) ครั้งที่ ๒๓      ระหว่างวันที่ ๒๒ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ณ เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี โดยความร่วมมือของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เป็นหน่วยงานหลักดำเนินงานร่วมกับอีก ๗ หน่วยงาน คือ มูลนิธิส่งเสริมโอลิมปิกวอชาการและพัฒนาการมาตรฐานวิทยาศาสตร์ศึกษาในพระ อุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (สอวน.) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยบูรพา มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และเมืองพัทยา
                นายไชยยศ กล่าวอีกว่า การแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิกเป็นกิจกรรมที่ช่วยสร้างบรรยากาศด้านวิชาการ กระตุ้นให้มีการปรับปรุงหลักสูตรและการเรียนการสอน ให้มีมาตรฐานสูงทัดเทียมกับนานาประเทศ โดยในปี พ.ศ.๒๕๕๔ ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน นับเป็นโอกาสสำคัญที่จะกระตุ้นเยาวชนไทยและสถานศึกษาให้สนใจส่งเสริมการ เรียนรู้ด้านการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์มากยิ่งขึ้น รวมทั้งสร้างความตระหนักให้สังคมไทยแลเห็นความสำคัญของวิทยาการคอมพิวเตอร์ เพื่อเร่งสร้างบุคลากรผู้มีความรู้ความสามารถสูงทางด้านนี้ให้เพิ่มมากขึ้น ทดแทนการขาดแคลนทรัพยากรบุคคลในสาขานี้ ซึ่งเป็นสายงานที่กำลังเป็นที่ต้องการในปัจจุบัน อันเป็นการรองรับความจำเป็นในการพัฒนาประเทศให้ก้าวทันโลกยุคการแข่งขัน
                ทั้งนี้ การแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ หรือ INTERNATIONAL OLYMPIAD INFORMATICS : IOI จัด ขึ้นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.๒๕๓๒ โดยในครั้งนี้กระทรวงศึกษาธิการได้มอบหมายให้ สสวท. ดำเนินโครงการจัดการแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ครั้งที่ ๒๓ พ.ศ.๒๕๕๔ ในประเทศไทย ระหว่างวันที่ ๒๒ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ณ โรงแรมรอแยลคลิฟ บีช รีสอร์ท เมืองพัทยา คาดว่าจะมีเยาวชนจากนานาประเทศ เข้าร่วมการแข่งขันประมาณ ๗๕๐ คน จาก ๘๔ ประเทศ

e-Office สพฐ.

e-Office สพฐ.

     สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้จัดทำระบบ e-Office เพื่อใช้ในการบริหารจัดการสำนักงาน โดยจัดทำระบบข้อมูล ซึ่งสามารถเชื่อมโยงฐานข้อมูลได้ตั้งแต่ สพฐ. สำนักงานเขตพื้นที่ประถมและมัธยม รวมไปจนถึงโรงเรียนในสังกัด สพฐ. ทุกแห่งทั่วประเทศ ซึ่งระบบ e-office ประกอบด้วย
ระบบงานสารบรรณ การออกหนังสือรับรอง การขออนุญาตต่างๆ การไปราชการ
ฯลฯ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดารบูรณาการข้อมูลระหว่าง ส่วนกลางกับส่วนภูมิภาคได้เป็นอย่างดี

วันพฤหัสบดีที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2553

TOTเลื่อนขายซองประมูล3จี อ้าง ทีโออาร์ใหม่ไม่ลงตัว รออัยการสูงสุดตรวจแก้ไข

ข่าวเทคโนโลยี หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- อังคารที่ 30 พฤศจิกายน 2553 01:54:37 น.
นายวรุธ สุวกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หรือ TOT เปิดเผยว่า ทีโอที ได้เลื่อนการขายซองประกวดราคา โครงการขยายบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3 จี บนคลื่นความถี่ 1900 เมกะเฮิรตช์ออกไป จากเดิมจะเปิดขายซองในวันที่ 29พฤศจิกายนนี้ เนื่องจาก สำนักงานอัยการสูงสุด ยังไม่ส่งร่างหลักเกณฑ์เงื่อนไขการประมูล (ทีโออาร์) ที่แก้ไขใหม่กลับมา ซึ่งก่อนหน้านี้ ทีโอที ได้เพิ่มสาระสำคัญ คือ ยินยอมให้ผู้ที่สนใจเข้าประมูลวางโครงข่ายครั้งนี้ สามารถยื่นผลงานทั้งในประเทศ และต่างประเทศ รวมมูลค่า 500 ล้านบาท มาประกอบการพิจารณาได้ จากเดิมที่มีเงื่อนไขต้องมีผลงานในประเทศ รวมมูลค่า500 ล้านบาทเท่านั้น

การประชุม AMFIE 2010



 นายสมบัติ สุวรรณพิทักษ์ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะตัวแทนประเทศไทย กล่าวนโยบายการขับเคลื่อนการศึกษาไทยโดยใช้ระบบ ICT ในการประชุม Asia Paific Ministrail Forum on ICT in Education 2010 : AMFIE 2010 ณ โรงแรมพลาซ่า แอทธินี เมื่อวันที่ 25  พฤศจิกายน 2553
               ขณะนี้ประเทศไทยกำลังดำเนินการตามแผนเทคโนโลยีสารสนเทศ (ICT) ระหว่างปี 2001-2010 ซึ่งได้กำหนดกรอบการพัฒนาประเทศไว้ 5 ด้านคือ E-Society E-Education E-Government E-Commerce และ E-Industry  ได้กำหนดนโยบายของการศึกษาไทย ไว้ 8 ประการ คือ 1. การสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต 2. โครงการเรียนฟรี 15 ปี อย่างมีคุณภาพ  3. จัดตั้ง "โรงเรียนดีประจำตำบล" 4. พัฒนาการศึกษาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้  5. สร้างแหล่งการเรียนรู้ราคาถูก 6. จัดทำโครงการเพื่อพัฒนาคุณภาพครู  7. พัฒนาคุณภาพชีวิตครู และ 8. สนับสนุนองค์ความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี  
ในปี  2011 - 2013 กระทรวงศึกษาธิการได้วางแนวทางการนำระบบ ICT มาพัฒนาคุณภาพการศึกษาโดย การขับเคลื่อนผ่านนโยบาย 3Ns อันประกอบด้วย NEdNet NEIS และ NLC โดยมุ่งไปยังกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญ คือ ผู้เรียน ผู้สอน และบุคลากรทางการศึกษา

วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

Web Technology 3.0

Web 3.0 กำลังจะมา ผู้ชมสามารถอ่าน เขียน จัดการ ( Read-Write-Execute ) คือจากที่ผู้เข้าไปใช้อ่าน และเพิ่มข้อมูล ผู้ใช้ก็สามารถปรับแต่งข้อมูลหรือระบบได้เองอย่างอิสระมากขึ้น สำหรับเมืองไทยนั้นจะนำเข้ามาใช้ในอนาคต เทคโนโลยีบางอย่างที่คาดว่าจะถูกนำมาใช้ใน web 3.0 ได้แก่
1. Artificial intelligence (AI) เป็นความฉลาดเทียมที่สร้างให้กับสิ่งไม่มีชีวิต ในที่นี้คือระบบคอมพิวเตอร์ อันจะเอามาเป็นเครื่องมือ ที่ช่วยคาดเดาพฤติกรรม วิเคราะห์ความต้องการของมนุษย์ ซึ่งเมื่อได้ข้อมูลนั้นมา ระบบก็จะให้ในสิ่งนั้นๆ ที่ต้องการ

หรือถ้าคิดแบบไทยๆ ก็คือหลักการของปัญญาประดิษฐ์นั่นเองครับ

2. Automated reasoning ระบบคอมพิวเตอร์ที่รู้จักการแก้ปัญหาเอง มีการประมวลผล ได้อย่างสมเหตุ พร้อมทั้ง แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า อักทั้งปรับปรุงระบบเอง โดยอัตโนมัติไปในตัว และ Automated reasoning เองก็จัดอยู่บน พื้นฐานของหลักการในข้อที่ผ่านมา นั่นเองแหละครับ ไม่ต้องคิดมากหรอก แค่เขียนโปรแกรมทางตรรกะเป็น เก่งสูตรและสมการทางคณิตศาสตร์ หัวหมอ เทคโนโลยีในข้อนี้ ก็ตีแตกไปได้อีกเปาะหนึ่งแล้ว (ยังกะง่ายๆเน้อ)

3. Cognitive architecture อยู่บนพื้นฐานของการคัดลอก ที่คนไทยนิยมชมชอบกันนัก คงจะยิ้มหวานๆมาเชียวนะ อิอิ แต่ช้าก่อน มันไม่ใช่ของหวาน ให้ตักชิมกันง่ายๆ แบบนั้น คิดดูแล้วกันว่า การสร้างเทคโนโลยีขึ้นมา สักสองตัว ให้ทำงานได้เหมือนกันทุกประการ อันหนึ่งใช้บนโลกของความจริง อีกอันใช้บนโลกเสมือน หรืออาจจำลองจากความเป็นจริงก็ได้ อือ… มองภาพไม่ออกแหะ เอางี้ สมมุติว่า ผมจะสร้างเกมขึ้นมาสักเกมหนึ่ง เอาเป็น เ.ก.ม.ลั.ก.ห.ลั.บ อ้าวเฮ้ย… เกมฟุตบอลแล้วกัน ตัวเล่นของผมคือผีกาก้า (กำลังฮิต) แต่กลับได้ลงเล่น เป็นตัวเล่นของเชลซีไป ประเด็นคือว่าตัวกาก้าในเกมนั้น จะต้องเล่นได้ เหมือนกาก้าเล่นบนสนามจริงๆ อย่าท้วงผมว่า ปัจจุบันก็ทำกันได้แล้ว มันไม่ใช่อย่างนั้นครับ เกมปัจจุบัน มันแค่ดึงเอาลักษณะ และจุดเด่น เทคนิคลีลา พวกนี้มายัดใส่ตัวเล่น เท่านั้น ไม่ได้ดึงความสามารถ วิธีคิดออกมาจากตัวตนของผู้เล่นจริงๆ ดังนั้น ถ้าจะดึงความเป็นตัวผู้เล่น ออกมาได้จริงๆล่ะก็ มัน “ต้องศึกษาศึกษาการเรียงตัวของเซลล์สมอง ในสามมิติ ศึกษาการถ่ายเทประจุไฟฟ้า และวิเคราะห์ การเปลี่ยนแปลงทางเคมีไฟฟ้าในร่างกาย ระหว่างการคิด: Wikipedia.org” มันต้องได้แบบนี้ ถึงจะใช่ ซึ่งปัจจุบันก็ยังทำไม่ได้

4. Composite applications เป็นการผสมผสานบริการ ให้ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิเช่น VDOfrog ดึงวิดีโอจาก YouTube มาแสดงได้ เสมือนหนึ่ง วิดีโอนั้น ตั้งอยู่บน VDOfrog เอง ซึ่งอาจจะใช้การผสานแบบ APIs + APIs ก็ได้ ผมมองว่าข้อนี้ มันก็ยังยากอยู่เหมือนกัน และลักษณะของเว็บไซต์มันจะคล้ายว่าเป็น Aggregator ไปซะทุกทีแล้ว แต่ก็ไม่เสมอไปนะครับ การผสานบริการ ก็อาจเป็นบริการต่างชนิดกันก็ได้ เช่น VDOfrog เองได้เป็นพันธมิตรกับทาง Flickr ซึ่งอนุญาต ให้สามารถดึงรูปภาพ มาสร้างเป็นไฟล์วิดีโอ ในรูปแบบต่างๆ พร้อมทั้งแสดงผลบน VDOfrog ได้ อีกทั้ง ยังสามารถดาวน์โหลดมา แล้วเขียนใส่แผ่นเล่นได้เลย คล้ายๆกับซอร์ฟแวร์พวก Photo2VCD อะไรประมาณนี้ล่ะ อือ… อย่างนี้ก็ดีสิ ว่าไหม

5. Distributed computing เป็นลักษณะคล้ายๆกับ Data Center ครับ คือการใช้คอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2 เครื่องไป ประมวลผลร่วมกัน โดยใช้ความแตกต่างกันของโครงสร้าง องค์ประกอบฮาร์ดแวร์ หรือซอร์ฟแวร์ มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยคอมพิวเตอร์นั้น ไม่จำเป็นต้องตั้งอยู่บนพื้นที่เดียวกัน อาจเป็นที่ไหนก็ได้ แค่มีอินเตอร์เน็ต เข้าถึงเป็นพอครับ
6. Knowledge representation การแทนความรู้ เป็นหนึ่งในสาขาสำคัญที่สุด ของปัญญาประดิษฐ์ (Artificial intelligence) คือก่อนจะสร้างความฉลาดให้ระบบ ได้นั้น ต้องให้ระบบ รู้จักการนำความรู้นั้นไปใช้เสียก่อน ว่างั้นนะ

7. Ontology คือภาษาที่ใช้เป็นตัวอธิบายข้อมูลเชิงสัมพันธ์ หรือที่ผมเคยกล่าวไว้ใครหนึ่ง ในเรื่อง Data about Data นั่นแหละ พูดอีกครั้งก็คือ “ข้อมูลที่ใช้อธิบายความหมายของข้อมูล” หรือ Tags นั่นเอง ตัวอย่างง่ายๆ ก็เช่น พาหนะ (Vehicle) ที่กำหนดลักษณะของรถยนต์ (Car) ซึ่งรถยนต์ก็อาจจะเป็น ขับเคลื่อน 2 ล้อหรือ 4 ล้อ (2-Wheel Drive, 4-Wheel Drive) ก็ได้ แต่อีกความหมายหนึ่งของ Vehicle ก็อาจหมายถึง เครื่องมือเครื่องใช้ ดังนั้น Tags จะได้เป็น Truck ซึ่งแปลว่าของเล็กๆน้อยๆได้ด้วย

8. Recombinant text เคยดูหนังแอคชั่นไซไฟ ของต่างประเทศกันไหมล่ะครับ ที่ระบบคอมพิวเตอร์ มันพัฒนาจนมนุษย์ไม่สามารถหยุดมันได้ สุดท้ายมันก็กลับมาทำร้ายคนสร้างมันเอง เช่นในเรื่อง I-Robot กับ Terminator นั้น ก็คงดูๆเห็นๆกันมาบ้างแล้ว ดังนั้น แนวคิดที่ว่าจะให้มนุษย์สามารถ จัดการกับระบบ ในช่วงการทำงานช่วงใดก็ได้ จึงถูกหยิบยกมากล่าวอ้าง ว่าเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีของ Web 3.0 ด้วย อือ… จินตนาการของมนุษย์ นี่ก็ใช่ย่อยนะ ผมล่ะตื่นเต้นจริงๆ

9. Scalable vector graphics (SVG) สืบเนื่องจากมาตรฐาน การสร้างภาพนั้น มีหลายรูปแบบ ทั้ง Gif, Jpeg, Png บางรูปแบบก็ต้องเสียตังค์ จ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้ทางผู้พัฒนาเสียด้วย ดังนั้นการนิยามวัตถุ อย่างภาพ ให้มีการพัฒนารูปแบบที่เป็นมาตรฐานใช้ร่วมกัน ในแบบ XML นั้น จึงเป็นหนึ่งในเทคโนโลยี ที่น่าจะมีบทบาทสูงพอสมควร

10. Semantic Web เทคโนโลยี จัดเป็น Aggregator แบบเต็มภาคภูมิก็ว่าได้ครับ คือเป็นเว็บไซต์ ที่มีการเชื่อมโยง สัมพันธ์กับแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่มีเนื้อหาสัมพันธ์กัน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้การเชื่อมโยงของแหล่งข้อมูลนั้น อาจเป็นเครือข่ายเดียวทั่วโลกก็ได้ ตรงนี้ล่ะครับ ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์บทความ จะมีมาก และอาจไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าแหล่งข้อมูลใดเป็นของเจ้าของเค้า

11. Semantic Wiki เมื่อข้อมูลมันมีมาก คนเขียนบล็อกก็มีเยอะ ทำให้เนื้อหามัน มากมายขึ้นทุกที จนบางที ก็ไม่รู้ว่าจะค้นหาข้อมูลที่ต้องการ ด้วยคีย์เวิร์ดอะไร ดังนั้นถ้าใช้คำค้นหา แบบกว้างๆ แต่มันกำจัดวงแคบๆให้เราได้ล่ะ จะเป็นอย่างไร ผมว่ามันดีนะ การค้นหาแบบข้อมูลซ้อนข้อมูล หรือใช้การค้นหาหลายทิศทาง (Vertical Search) ผสมกับความเป็นส่วนตัวเข้าช่วย (Personalize) จะสามารถโฟกัสข้อมูลลงได้เช่นกัน ทีนี้มาคิดกันต่อสิครับว่า Google, Yahoo! Search หรือ Windows Live Search จะทำอย่างไรต่อ คิดเองเด้อ

12. Software Agents โปรแกรมที่ทำงาน ให้บรรลุจุดประสงค์ที่ตั้งไว้โดยอัตโนมัติ เช่น ผมมีบล็อกอยู่ 1 บล็อก ทำการติด Google AdSense ไปที่จุดต่างๆ อย่างเหมาะสม และไม่ผิดกฎของ AdSense ด้วยครับ ตัวผมเองไม่รู้หรอกครับว่า จุดต่างๆที่ผมติดๆไปนั้น เหมาะกับบล็อก ผมมากน้อยเพียงใด ไปดูจากที่อื่นๆ เขาแนะนำมา ว่าให้ติดตามจุดนั้นๆ อีกที ทีนี้ล่ะครับ ผมก็จะศึกษาพฤติกรรม คนอ่านบล็อกผม แล้วลองเปลี่ยนจุดไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหาจุดที่เกิดการคลิก ซึ่งก่อให้เกิดรายได้มากที่สุด และก็ต้องเสียเวลาศึกษาพวกนี้นานมากใช่ไหมล่ะครับ แล้วจะเป็นอย่างไร ถ้าการทำงานทั้งหมดนี้ Software Agents ทำให้หมด มันจัดวาง Ads ได้ถูกต้องตาม กฎอีกด้วยเทคโนโลยี ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ บางส่วนก็พัฒนากันออกมาได้แล้ว บางส่วนก็ยังเป็นแค่แนวคิดหลักการ ซึ่งก็ต้องมาดูกันต่อไปว่า ไทยเราจะตื่นตัวกับเทคโนโลยี เช่นนี้มากน้อยแค่ไหน หรือว่าจะยังคงตกยุคอยู่กับ Web 1.0 ต่อไป และคงเห็นกันแล้วนะครับว่า Web 3.0 นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย

http://www.kroobannok.com/38859

กรุงศรี ออโต้ มอบคอมพิวเตอร์เพื่อลูกเสือและยุวกาชาดไทย

นายเฉลียว อยู่สีมารักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ  เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือโครงการ กรุงศรี ออโต้ มอบคอมพิวเตอร์เพื่อลูกเสือและยุวกาชาดไทย ระหว่างกระทรวงศึกษาธิการกับบริษัทอยุธยา แคปปิตอล ออโต้ลีส จำกัด (มหาชน)  วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ณ ห้องประชุมกระทรวงศึกษาธิการ

กระทรวงศึกษาธิการขอขอบคุณที่ภาคธุกิจตระหนักถึงความสำคัญในการจัดการศึกษาโดยการเข้ามาช่วยเหลือให้การสนับสนุนต่างๆ นับเป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม ที่สำคัญกระทรวงศึกษาธิการยังมีสถานศึกษาอีกจำนวนมากที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ขาดแคลนอุปกรณ์การเรียนการสอนที่จำเป็น รวมถึงขาดโอกาสในด้านต่างๆ การได้รับบริจาคคอมพิวเตอร์ในครั้งนี้นับเป็นการสนับสนุนนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการในการส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กไทย โดยเฉพาะนักเรียนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลได้มีโอกาสเพิ่มพูนสติปัญญาและพัฒนาความสามารถ ผ่านกิจกรรมการศึกษาในช่องทางต่างๆ รวมถึงช่องทางออนไลน์ และยังส่งเสริมให้มีการใช้คอมพิวเตอร์และโปรแกรมสำเร็จรูปเป็นสื่อการสอนได้อย่างดีอีกด้วย

ที่มา http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=21461&Key=news2

NComputing ตั้งระบบคอมฯนำร่อง5แสนชุด

NComputing ตั้งระบบคอมฯนำร่อง5แสนชุด



    NComputing ผู้นำตลาดด้านระบบคอมพิวเตอร์ราคาประหยัด ประกาศความร่วมมือและการเป็นพันธมิตรร่วมกับ สํานักงานกิจการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Department of Economic and Social Affairs – UNDESA) ทั้งนี้ เพื่อติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ให้กับโรงเรียนในชั้นประถมและมัธยมศึกษาในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลก โดย NComputing พร้อมนำร่องโครงการ ติดตั้งอุปกรณ์กว่า 500,000 จุดภายในปีพ.ศ.2555 หรืออีก 3 ปี ข้างหน้า ภายใต้การสนับสนุนจากนายบัน คี มูน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ พร้อมด้วย โกลบอล อัลลิอานซ์ ฟอร์ ไอซีที เดเวลอปเมนท์ หรือGAID และ UNDESA

นายซาร์บูแลนด์ คาน ผู้ประสานงานโครงการ UNDESA-GAID กล่าวว่า การริเริ่มในครั้งนี้จะได้มีบทบาทสำคัญในการลดช่องว่างด้านการศึกษาและเทคโนโลยี ที่เกิดขึ้นกับเด็กๆในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลก และเพิ่มโอกาสเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี ถือได้ว่าเป็นเสาเหตุหลักการพัฒนาระบบการศึกษา สังคม และเศรษฐกิจในศตวรรษที่ 21 นี้

รายงานข่าวแจ้งต่อว่า โครงการนำร่องครั้งแรกที่ประเทศบูกีนาร์ ฟาโซ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ตามมาด้วยโครงการอื่นๆที่ขยายไปยังประเทศรวันดา เซเนกัล และแทนซาเนียภายในปีพ.ศ. 2552 นี้ โครงการดังกล่าว จะใช้ระบบเดสก์ท็อปเสมือนจริงรองรับการทำงานบนแพลทฟอร์มลินุกซ์ของNComputing ประมาณ 1,000 ชุด ทั้งนี้ เนื่องจากผลิตภัณฑ์ของNComputing มีราคาประหยัด ขนส่งและติดตั้งได้อย่างง่ายดาย มีความเหมาะกับลักษณะโครงการ นอกจากนี้ ยังพร้อมสนับสนุนทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่จะเข้าไปช่วยเหลือด้านการขนส่งและการดำเนินงานสำหรับโครงการขนาดใหญ่เช่นกัน

นายพอล จิน กล่าวว่า เดสก์ท็อปเสมือนจริง NComputing ถือเป็นจุดเริ่มต้น ที่ทำให้มีโอกาสในการขยายช่องทางการเข้าถึงคอมพิวเตอร์เพิ่มมากขึ้นเป็นจำนวนมาก รวมทั้งมีความสะดวกสบายในการติดตั้ง โครงการนี้ทำให้สามารถนำคอมพิวเตอร์ที่ได้รับการบริจาค และการปรับปรุงใหม่มาใช้ได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด ทั้งนี้ ด้วยระบบการติดตั้งง่าย รวมถึงการประหยัดพลังงาน ถือเป็นหลักการสำคัญที่ต้องมีการนำมาพิจารณาเพื่อใช้กับกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา


นายสตีเฟ่น ดักเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานกรรมการบริษัท NComputing กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมมือกับองค์การสหประชาชาติในโครงการสำคัญดังกล่าว ทั้งนี้ มั่นใจได้ว่า เด็กๆ กว่าหลายล้านคนทั่วโลก จะได้รับประโยชน์จากโครงการไม่มากก็น้อย อีกทั้ง ยังหนึ่งในวิสัยทัศน์สำคัญก็คือ การลดช่องว่างความแตกต่างทางเทคโนโลยี หรือปรากฏการณ์ ดิจิตัล ดีไวน์

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า โครงการดังกล่าว ได้รับความช่วยเหลือและการร่วมมือร่วมใจกันจากบริษัท และภาคธุรกิจหลากหลายฝ่าย รวมถึงบริษัทรีไซเคิลเครื่องคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัย และองค์การที่ไม่แสวงหาผลกำไร หรือเอ็นจีโอ ทั้งนี้ เพื่อสรรหาและสนับสนุนโครงการทั้งในด้านเทคโนโลยี การขนส่ง การพัฒนา และการฝึกอบรมเพื่อการติดตั้งอุปกรณ์ทั้งในทวีปแอฟริกาและประเทศกำลังพัฒนาอื่นทั่วโลก

http://www.ee-part.com/news/6045  วันที่ 26 พ.ย. 53

Web เทคโนโลยี

Web Technology


" web1.0 " มันคืออะไร!!
" web1.0 " เป็นเว็บสมัยดั้งเดิมเป็นเว็บที่อยู่ในสมัยยุคแรกที่ internet กำลังดังเพราะไอ้เจ้า " web1.0 " ตัวนี้นี่แหละที่ทำให้โลกของ internet ได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะ " web1.0 " เป็นเว็บไซต์ที่นำเสนอข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ด้านต่างๆ ที่เราอยากรู้ ซึ่งจะส่งเนื้อหาต่างๆ ขึ้นหน้าจอคอมพิวเตอร์เพียงเดียวเพื่อนำเสนอผู้ที่มาเข้าชม พูดได้ง่ายๆ " web1.0 " ก็คือเว็บไซต์ต่างๆ ที่เราเปิดเพื่อค้นหาข้อมูลในการทำรายงานส่งอาจารย์นั่นเอง ในทฤษฎีของการสื่อสารถือว่าเป็นการสื่อสารทางเดียว ( one-way communication ) เพราะไม่มีการตอบรับจากผู้ที่ได้รับข้อมูล
ส่วน " web2.0 " เป็นคำที่ถูกนิยามขึ้นโดยบริษัทที่ทำเกี่ยวกับ Media ของอเมริกาที่มีชื่อว่า " O'Reilly Media " ในปีค.ศ.2004 ซึ่ง " web2.0 " นี้เป็นชื่อที่ใช้เรียกรวมๆ เกี่ยวกับการใช้งาน " internet " ที่มีการก้าวเข้ามาสู่ยุคที่ 2 ที่มีพื้นฐานการให้บริการเป็นหลัก และมีรูปแบบการใช้งาน " internet " ที่เปลี่ยนไปหรือกล่าวได้ว่าเป็นสังคม " network " ที่ผู้ใช้ " internet " มีส่วนรวมในการสร้างมันขึ้นมาซึ่งเป็นการสะท้อนความต้องภายในของผู้ใช้อย่างชัดเจน ซึ่ง " web2.0 " มีคุณลักษณะ " web2.0 application " และ " web2.0 website " ซึ่งจะต้องมีสิ่งหลักๆ เหล่านี้ประกอบอยู่ด้วย
1. " network as platform " คือจะต้องให้บริการหรือสามารถใช้งานผ่านทาง " web browser " ได้
2. ผู้ใช้งานที่เป็นเจ้าของข้อมูลบน " website " นั้น สามารถดำเนินการใดๆ ก็ได้กับข้อมูลนั้น
3. โครงสร้างของการมีส่วนร่วมและความเป็นอิสระนั้นจะเป็นสิ่งกระตุ้นให้ผู้ใช้เพิ่มคุณค่าให้กับ " website " หรือ " application " นั้น กล่าวคือ การมีส่วนร่วมและความเป็นอิสระจะทำให้มีการใช้งานมาก ทำให้สิ่งนั้นมีคุณค่าน่าสนใจ
4. ใช้ ajax ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีความฉลาดมีการโต้ตอบกับผู้ใช้และมี interfaceที่ง่ายในการใช้งาน
 ความแตกต่างระหว่าง Web 1.0 และ  Web 2.0 
ข้อ 1  Web1.0 แก้ไขอัพเดตข้อมูลต่างๆในหน้าเว็บได้เฉพาะ Webmaster หรือคนดูแลเว็บไซต์เท่านั้น
แต่ Web2.0 สามารถสื่อสารตอบโต้ได้ทั้งผู้สร้างเว็บและผู้ใช้เว็บ    ดังเช่น  Blog  หรือการโพสต์กระทู้ต่างๆ

ข้อ 2  Web 1.0  สร้างเรตติ้งแบบปากต่อปากได้ยาก  เนื่องจากสื่อสารทางเดียวแต่ Web 2.0 สามารถสร้างปรากฏการณ์แบบปากต่อปากได้ดังไฟลามทุ่ง  จากการแนะนำผ่าน Blog ส่วนตัว  คุณอาจตัดสินใจซื้อครีมชนิดนั้นมาใช้เพราะคนที่ใช้แล้วดีมาเขียนบอกใน Blog   หรือเลิกซื้อขนมปังยี่ห้อนั้นไปตลอดชีวิต  เมื่อมีคนถ่ายภาพราขึ้นแฮมจากร้านนั้นมาลงให้ดู  ซึ่งเป็นสิ่งที่ Web 1.0 ไม่อาจทำได้
ข้อ  3  Web 1.0  ให้ข้อมูลความรู้แบบตายตัว  การเปลี่ยนแปลงแก้ไขขึ้นอยู่กับ Webmaster
แต่ Web 2.0  สามารถต่อยอดข้อมูลต่างๆออกไปได้ไม่จำกัด  และข้อมูลจะถูกตรวจสอบคัดกรองอยู่ตลอด ตัวอย่างเช่น Wikipedia  ที่ใครก็สามารถเขียนในสิ่งที่ตนรู้ลงไปได้

Web 2.0 ยังก่อให้เกิดการตลาดแบบใหม่   สร้างงาน   สร้างธุรกิจเงินล้านบนอินเตอร์เน็ต  ก่อให้เกิดนักธุรกิจในโลกออนไลน์มากมาย  
ถึงตรงนี้  หลายคนคงเข้าใจเจ้า  Web 2.0  กันดีขึ้นแล้ว   เพราะแท้ที่จริง  มันก็อยู่ตรงหน้าของเราทุกวันนี่เอง

ที่มา http://www.kroobannok.com/38859
http://pingmove.spaces.live.com/blog/cns!250F41E39E89B69E!237.entry

วันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2553

Learning Object

รู้จักกับ Learning Object


1.    Learning Object คืออะไร
Learning Object คือสื่อการเรียนรู้ดิจิตอล ที่ออกแบบเพื่อ ให้ผู้เรียนบรรลุผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง อย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะ โดยแต่ละเรื่อง จะนำเสนอแนวคิดหลักย่อยๆ ผู้สอนสามารถเลือกใช้ Learning Object ผสมผสานกับการจัดการเรียนการสอนแบบอื่นๆ ได้อย่างหลากหลายเป้าหมายในการผลิต Learning Object คุณภาพสูง ซึ่งมีคุณลักษณะต่อไปนี้
·   เนื้อหา กิจกรรม การนำเสนอเหมาะสมกับผู้เรียน (อายุ ความสนใจ ความรู้เดิม) ถูกต้อง มุ่งให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
·   ผู้เรียนมีโอกาสเลือกและตัดสินใจ ลำดับการนำเสนอเนื้อหาและกิจกรรมเอื้อให้เกิดการเรียนรู้
·   ผู้เรียนได้ปฏิบัติกิจกรรม ไม่เพียงแต่รับข้อมูล (สืบเสาะค้นหา แก้ปัญหา แปลความหมายข้อมูล พัฒนา สร้าง นำเสนอชิ้นงาน)
·   มีการประเมินความก้าวหน้าในการเรียนรู้ ผู้เรียนสามารถรับข้อมูลเพิ่มเติม และ feedback ที่เหมาะสมและมีประโยชน์
·   ผู้เรียนเรียนรู้จากสถานการณ์ที่สอดคล้องกับชีวิตจริง และใช้ความรู้ในบริบทที่หลากหลาย
2.      ทำไมจึงควรผลิต Learning  Object·   สะดวกต่อการค้นหา จัดเก็บ แจกจ่าย
·   ครูและนักเรียนมีสื่อการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยีคุณภาพสูง
·   Object นำไปสู่ความหลากหลายในการใช้งาน ผสมผสานกับกิจกรรมการเรียนรู้ในรูปแบบต่างๆ
3.   กระบวนการผลิต Learning  Object
·   มีการทำงานเป็นทีม ผู้จัดการ ผู้จัดการร่วม ผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหา ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษา
·   จัดเก็บเอกสารเป็น version บันทึกการแก้ไขทุกครั้งอย่างเป็นระบบ
·   อ้างอิงกับมาตรฐานที่ตั้งไว้ในแต่ละขั้นตอน

วันเสาร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2553

Thai OS (Thai Operating System)

Thai OS (Thai Operating System)

           Thai OS เป็นซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการที่สามารถใช้งานได้บนเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไปซึ่งเป็นงานชิ้นเอกของ SIPA ที่จะส่งเสริมและสนับสนุนให้คนไทย มาให้โปรแกรมเปิดรหัส (Open Source) ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ไม่มีลิขสิทธิ์ และพัฒนาโดยคนไทย ซึ่งจะลดปัญหาการซื้อโปรแกรมจากต่างชาติ ได้อย่างมากมาย และที่สำคัญ คือช่วยลดปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ซึ่งมีกันอยู่อย่างมากมายในประเทศไทย โดยศึกษาการพัฒนาจากระบบปฏิบัติการจากชุมชน Ubuntu ในประเทศไทย ในปี 2551 ซึ่งส่งผลให้ Suriyan เลือกใช้ Ubuntu ที่ใช้ GNOME เป็น Windows Manager หลัก และเลือกใช้ Club Distro Prompt Edition 9.05 เป็นต้นแบบในการพัฒนา Suriyan 52.0 ในเดือนตุลาคมถัดมา ปัจจุบัน Suriyan ใช้ Ubuntu เป็นต้นแบบในการพัฒนา โดยเพิ่มเติมแอพลิเคชั่น ฟอนต์ภาษาไทย ปรับปรุงเคอร์เนล และส่วนติดต่อผู้ใช้ เพื่อให้เกิดความง่าย ซึ่งส่งผลให้ผู้ใช้ที่ต้องการเปลี่ยนจาก Windows มาใช้งาน Suriyan ได้ง่ายมากขึ้น Suriyan Desktop พัฒนาต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงรุ่น 53.04 และมีชุดซอฟต์แวร์ออฟฟิส คือ จันทรา ซึ่งได้นำมาเผยแพร่ให้กับโรงเรียนในทุกสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาของจังหวัดนครราชสีมาแล้ว

Social Media คืออะไร

Social Media คืออะไร

 
สำหรับในยุคนี้ เราคงจะหลีกเลี่ยงหรือหนีคำว่า Social Media ไปไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็จะพบเห็นมันอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหลายๆ คนก็อาจจะยังสงสัยว่า “Social Media” มันคืออะไรกันแน่ วันนี้เราจะมารู้จักความหมายของมันกันครับ
คำว่า “Social” หมายถึง สังคม ซึ่งในที่นี้จะหมายถึงสังคมออนไลน์ ซึ่งมีขนาดใหม่มากในปัจจุบัน
คำว่า “Media” หมายถึง สื่อ ซึ่งก็คือ เนื้อหา เรื่องราว บทความ วีดีโอ เพลง รูปภาพ เป็นต้น
ดังนั้นคำว่า Social Media จึงหมายถึง สื่อสังคมออนไลน์ที่มีการตอบสนองทางสังคมได้หลายทิศทาง โดยผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต พูดง่ายๆ ก็คือเว็บไซต์ที่บุคคลบนโลกนี้สามารถมีปฏิสัมพันธ์โ้ต้ตอบกันได้นั่นเอง
พื้นฐานการเกิด Social Media ก็มาจากความต้องการของมนุษย์หรือคนเราที่ต้องการติดต่อสื่อสารหรือมีปฏิสัมพันธ์กัน จากเดิมเรามีเว็บในยุค 1.0 ซึ่งก็คือเว็บที่แสดงเนื้อหาอย่างเดียว บุคคลแต่ละคนไม่สามารถติดต่อหรือโต้ตอบกันได้ แต่เมื่อเทคโนโลยีเว็บพัฒนาเข้าสู่ยุค 2.0 ก็มีการพัฒนาเว็บไซต์ที่เรียกว่า web application ซึ่งก็คือเว็บไซต์มีแอพลิเคชันหรือโปรแกรมต่างๆ ที่มีการโต้ตอบกับผู้ใช้งานมากขึ้น ผู้ใช้งานแต่ละคนสามารถโต้ตอบกันได้ผ่านหน้าเว็บ

Social Media กับการเรียนรู้ของนักเรียน


        การให้ครูรู้จักและสามารถใช้เครื่องมืออย่างหลากหลายนั้น ก็มาจากความคิดที่ต้องการให้กิจกรรมที่ครูสร้างสรรค์นั้นเกิดประโยชน์สูงสุด เราต้องการให้เกิดการเชื่อมโยง link activity จากสื่อหนึ่งไปอีกสื่อหนึ่ง เพื่อให้ผู้เรียนรู้สึกว่าเขาไม่ต้องใช้ความพยายามในการเข้าถึงครูมากนัก แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ จะต้องแบ่งหน้าที่ของแต่ละเครื่องมือนั้นอย่างชัดเจน เช่น บล็อก ใช้เป็นที่สำหรับใส่เนื้อหา สร้างกิจกรรม ส่วน facebook และ Twitter ก็ใช้สำหรับ Community และสร้าง Activity ให้เกิด เพื่อที่จะไปรองรับวัตถุประสงค์เนื้อหาวิชาที่ต้องการ สรุปคือต้องให้ความสำคัญกับเครื่องมือสื่อต่างๆ อย่างเท่าๆ กัน และใช้อย่างต่อเนื่อง  เกิดเป็นเครือข่ายของการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และหลากหลาย  ทำให้ครูที่มีความแตกต่างและมีความคิดที่หลากหลายมาร่วมงาน โครงการก็จะยิ่งและตอบสนองความต้องการของนักเรียนได้ตรงวัตถุประสงค์มากขึ้นเท่านั้น

ด่วน! สั่งทุกส่วนราชการโละฟอนต์ต่างชาติ บังคับใช้ฟอนต์ไทยแลนด์



ด่วน! สั่งทุกส่วนราชการโละฟอนต์ต่างชาติ บังคับใช้ฟอนต์ไทยแลนด์ อ้างป้องกันละเมิดลิขสิทธิ์ อึ้งผลงานไอซีที มีให้เลือก13 ฟอนต์ไพเราะ อาทิ ฟอนต์สารบรรณ ฟอนต์จามรมาน ฟอนต์นิรมิต ฟอนต์คชสาร
นายวัชระ กรรณิการ์  รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า  ครม.เห็นชอบให้หน่วยงานภาครัฐทุกหน่วยดำเนินการติดตั้งฟอนต์สารบรรณและฟอนต์ อื่น ๆ     ทั้งหมด จำนวน 13 ฟอนต์ ของสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)  (สอซช.) หรือ “Software Industry Promotion Agency”  เรียกโดยย่อว่า “SIPA” และกรมทรัพย์สินทางปัญญาเพิ่มเข้าไปในระบบ ปฏิบัติการ Thai OS (Thai Operating System)  และใช้ฟอนท์ดังกล่าวแทนฟอนต์เดิม ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ

www.dekcyber.com/music/sipa-thaios-sarabun.html

วันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ไอซีทีในโรงเรียน

เรื่องมันมีอยู่ว่า อาจารย์บอกว่า คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด แต่ไม่รู้จักแสวงหาให้มันรู้เนี่ย ผิด (น่าจะเอาไปตัดหัวซะ)

              เท่าที่ทำงานมา ปัญหาใหญ่อยู่ที่ ความไม่รู้ ของคนทำงาน เหมือน พระราชดำรัสที่ว่า "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" ใช่แล้วครับ ถ้าคุณไม่เข้าใจ นั่นแสดงว่า ไม่รู้ ก็ไม่สามารถพัฒนาได้อย่างเต็มที่ ทำไปพอแล้วๆ
              ปัจจัย ที่ำสำคัญคือ ผู้บริหาร ณ โรงเรียนมัธยมสารขันวิทยา ท่านผู้บริหาร ผู้ไม่รู้เรื่อง ICT บังเอิญจับพลัดจับ... อะไรก็ไม่รู้ ได้มาดูแลเรื่อง ICT คอมพิวเตอร์ ยังใช้ไม่เป็น เมล์ เว็บ อะไร อย่าไปหวัง แค่นั่งผ่านหนังสือให้แล้วๆ ไปวันๆ ก็คงพอสำหรับชีวิตนี้ แต่คงขวางการพัฒนาโรงเรียนอยู่ไม่น้อย เพราะไม่มีความรู้ จะนิเทศงานได้อย่างไร จะพัฒนางานได้อย่างไร
                เรื่องของการพัฒนา ช้าเพียงแค่วินาที ก็ถือว่าช้าแล้วครับพี่น้อง

แก้วเดียวคงไม่พอ ต้องแบบคุณยายเลย

เสาร์สนุก

วันเสาร์ที่ 2 ตุลาคม 2553

เรียน วิชาระบบสารสนเทศทางการศึกษา กับท่าน ดร.สุพิทย์

           เริ่มเข้าเรียนวันแรก ไปตั้งแต่เช้ากะว่าจะไปเซ็ตระบบ Server ซะหน่อย ไปหลังอาจารย์นิดหน่อย ยังไม่กล้าเข้า
รอนิดหนึ่ง จึงเข้าห้องไปเรียนเป็นคนแรก ได้รับรางวัลเป็นนามบัตรท่าน อ. 5555 มีแวว เพื่อนแซวว่า ทุกทีมันมาหลัง 9 โมง
วันนี้ครึ้มฟ้าครึ้มฝน มาก่อนชาวบ้าน
          แหมๆ  เทคนิคเล็กน้อย เรายังไม่รู้จักอ.ดีพอ ไปแต่เช้านั่นแหละดี ครับ

          เริ่มเรียนก็ไม่ซีเรียสเท่าไร รับได้ รับได้ เหลืองๆ แดงๆ  ประมาณนั้น
          Couse Outline ดูได้จาก Blog ท่าน อ.นะครับ พี่น้อง http://khamsakaesaeng2.blogspot.com/
          เริ่มแรก เรียนสมัครอีเมล์ เรามีแล้วนี่
          แล้วก็สมัครบล็อก เราก็สมัครแล้วนี่
          และท่านก็ให้ส่งอีเมล์ไปบอกรายละเอียดเมล์ และบล็อก กับท่านที่ panitan007@yahoo.com
          ส่งตั้งแต่ 14.04 น. ณ เวลานี้ยังไม่ถึงเลย (สงสัยว่า เวลาพักเครื่องจะงีบหลับ เลยขึ้นเครื่องไม่ทันซะแล้ว)

          16.00 น. พรรคพวกพากันกลับบ้านกันหมดแล้วน่ะ เมล์ผมยังไม่ถึง ท่าน อาจารย์เลย

โหย.... เวรกรรมมีจริง
          เวลาสอนเด็กให้ใช้เมล์ Server ตัวเดียวกันจะถึงเร็ว
เอาละว้า
          ไม่ถึง... นี้  ก็ถึง ... หน้าแหละ


วันเสาร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2553

First Article

ยินดีต้อนรับสู่ เว็บบล็อกครูธนกร  วราวิทยาวุฒิ

ศูนย์การเรียนขามสะแกแสง มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล